วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วัดพระแก้ว แหล่งความรู้คู่เมืองไทย

วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ได้ชื่อว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่1 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงศรีรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี วัดพระแก้วจึงเป็นแหล่งเรียนรู้ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา และศิลปะ วัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี

ภายในวัดพระแก้วมีการประดับตกแต่งด้วยศิลปะลวดลายแบบไทย รวมถึงการใช้สิ่งมีชีวิตในวรรณคดีตกแต่งตามจุดต่างๆทั่วบริเวณวัด เช่น ยักษ์เฝ้าประตูที่สะท้อนถึงความเชื่อที่ว่ายักษ์ที่ยืนเฝ้าประตูวัดคอยปกป้องไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาในวัด และการประดับรอบพระอุโบสถด้วยรูปปั้นครุฑยุดนาค อาคารต่างๆ ภายในวัดถูกมุงด้วยกระเบื้องดินเผาเคลือบสี พื้นตรงกลางเป็นสีแดง ขอบหลังคาเป็นสีน้ำเงิน เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศิลปะในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น


การเดินทางไปวัดพระแก้วนั้นถือว่าสะดวกมากเพราะวัดพระแก้วตั้งอยู่บริเวณที่เป็นจุดศูนย์รวมของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ศาลหลักเมือง กระทรวงกลาโหม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โรงละครแห่งชาติ สนามหลวง และหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน จึงทำให้มีบริการขนส่งมวลชนมากมาย และสามารถเดินทางได้หลายวิธี ทางเรือ รถประจำทาง และแท็กซี่

การเที่ยวชมวัดพระแก้วนั้นนอกจากจะได้รับความผ่อนคลายจากการเสพย์งานศิลป์แล้ว ยังได้รับความรู้ด้านประวัติศาสตร์ไทย(K) ได้พัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศจากการพูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (P)  และได้ตระหนักถึงความวิจิตรสวยงามจากการชื่นชมงานศิลป์ภายในวัด ทำให้เกิดความรักในศิลปวัฒนธรรมของไทย  ผมจึงอยากเชิญชวนผู้อ่านให้ลองเข้าไปเยี่ยมชมวัดพระแก้วดูสักครั้ง รับรองได้เลยว่าจะได้รับความรู้ครบทั้งสามด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

OnTheWay...First time.


OnTheWay...First time ครั้งแรก...กับออนเดอะเวย์

OnTheWay...ถ้าแปลตรงตัวก็หมายความว่า "ระหว่างทาง" แต่ถ้าคิดให้มากกว่าคำว่า "ระหว่างทาง" ที่เป็นเพียงแค่คำแปลของคำว่า OnTheWay ความหมายจริงๆ นั้นคือ เรื่องราวระหว่างทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดหมาย และนี่คือจุดเริ่มต้นของ นิตยสาร  OnTheWay นิตยสารท่องเที่ยวที่เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น ที่จะมาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวอันแสนพิเศษในแบบฉบับ "Chillin' journey" และเป็นรูปแบบการเดินทางที่เข้ากับชื่อของนิตยสาร OnTheWay อย่างพอดิบพอดี


         

สมาชิกในกลุ่ม
    ลี    - ลีนา ศิลาบุตร    บรรณาธิการ 
    นุส  - นุสรา ลีนาค      ฝ่ายกราฟิก 
    เก้า - ชัยภัทร ลูกบัว    นักเขียน
    นิว  - ประวีณ ภูมิเอี่ยม นักเขียน
    อาร์ม - ณัฐพล นาบุญพัฒนา ช่างภาพ



    ครั้งแรก...กับงานเขียน

    งานกลุ่มนิตยสารครั้งนี้ผมรับหน้าที่หลักเป็นนักเขียน มีหน้าที่เขียนคอลัมน์ แต่จริงๆ แล้วสมาชิกในกลุ่มทุกคนก็ช่วยกันทำงาน ทำทุกอย่างทุกหน้าที่ ตั้งแต่เขียนคอลัมน์ ถ่ายภาพ แต่งภาพ ตรวจแก้คำผิด จัดวางรูปแบบคอลัมน์

    จุดเริ่มต้น

    หลังจากสมาชิกครบแล้วกลุ่มของผมที่นำโดย บก.ลีนา ก็เริ่มคุยกันว่าจะทำนิตยสารเกี่ยวกับอะไร ผมก็รีบเสนอเลยว่าจะทำเรื่องท่องเที่ยว เพราะเป็นคนชอบเที่ยว เพื่อนก็เห็นด้วยว่าจะทำเรื่องนี้ แล้วด้วยความไฟแรงหรือความไม่รู้กันแน่ กลุ่มเราก็เลยเริ่มด้วยการหาทริปเที่ยวกันเลย หามาเยอะมาก ทั้งทะเลใต้ ภาคตะวันออก แล้วก็มีโอกาสได้มาศึกษาดูงานที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศ(ททท.) ได้คุยกับพี่ทีมงานนิตยสาร อสท. ที่เป็นนิตยสารท่องเที่ยวเช่นกัน ก็ได้รู้อะไรเยอะมาก คร่าวๆ คือต้องกลับไปคิดธีมหลักของนิตยสารก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็กลับมาคุยกันจนได้ข้อสรุปว่าจะทำธีม Slow life แต่ดูเหมือนจะเป็นการใช้ชีวิตที่เรียบๆ เฉื่อยๆ เกินไป ไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ก็คิดธีมกันใหม่โดยเน้นเกี่ยวกับการเดินทางแบบชิลๆ เหมือนเดิม สุดท้ายก็มาลงตัวกับธีม Chillin' journey ที่เข้ากับชื่อของนิตยสาร OnTheWay ที่ตั้งกันมาก่อนหน้านี้ แล้วก็เริ่มแบ่งงานกันทำโดยตกลงกันว่าทุกคนต้องเขียนคอลัมน์ของตัวเองคนละ 3 คอลัมน์เป็นอย่างน้อย คอลัมน์ของผมคือ วัดพระแก้ว ความงามในแบบไทย Travel tips และ ชวนชิม ริมทาง จากนั้นสมาชิกในกลุ่มได้คุยกันว่าอยากสัมภาษณ์ใครสักคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ออกเดินทางในแบบฉบับ OnTheWay ก็ได้ติดต่อสัมภาษณ์คุณมิ้น มณฑล กสานติกุล นักเดินทางผู้หญิง ที่เดินทางคนเดียวรอบโลก และมีสไตล์การเดินทางที่เข้ากับ OnTheWay เป๊ะเลย คือเดินทางเรื่อยๆ ชิลๆ ให้ความสำคัญกับเรื่องราวระหว่างทางมากกว่าจุดหมายปลายทาง หลังจากที่ทุกคนเขียนคอลัมน์ของตนเองเสร็จแล้วก็แลกเปลี่ยนกันตรวจแก้จนเป็นที่พอใจ แต่ดูเหมือนว่าเนื้อหายังน้อยเกินใจ สมาชิกในกลุ่มจึงได้จัดทริปรวมเพื่อมาเติมเต็มเนื้อหาในนิตยสาร

    OnTheWay

    ทริปรวมของเราชาวนิตยสารออนเดอะเวย์ เริ่มต้นจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอเรื่องราวระหว่างทาง โดยแวะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทาง ทั้งในป่า และในเมือง จากการเดินทางครั้งนั้นผมรู้สึกได้ว่าสมาชิกในกลุ่มเริ่มสนิทกันมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นทริปที่เกี่ยวกับงาน แต่ก็เป็นทริปที่มีแต่ความสนุกและเสียงหัวเราะ

    จุดหมายปลายทาง

    หลังจากทริปนี้สิ้นสุดลง ก็กลับมารวมกลุ่มกันทำงานต่อ เริ่มเขียนคอลัมน์เล่าเรื่องราวการเดินทางของสมาชิกในกลุ่ม แล้วจัดเรียงหน้าพิมพ์ต้นฉบับออกมาตรวจอีกครั้งก่อนส่งโรงพิมพ์


    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานครั้งนี้


    ด้านความรู้ - ถึงจะมีหน้าที่หลักเป็นนักเขียน แต่ก็อย่างที่บอกคือ กลุ่มของผมทุกคนช่วยกันทำงาน ช่วยกันแบ่งเบาภาระของแต่ละคน ทำให้ได้ทำงานทุกอย่างครบ ทั้งการเขียน ตรวจแก้คำผิด ทำกราฟิก จัดวางรูปแบบคอลัมน์ และถ่ายภาพ แน่นอนว่าได้รับความรู้ที่ไม่ใช่แค่ไปทำงานด้านสื่อสิ่งพิมพ์แค่อย่างเดียว แต่ยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับงานด้านอื่นๆ ได้อีก เช่น งานออกแบบ เป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ งานถ่ายภาพ ความรู้ด้านการจัดองค์ประกอบต่างๆ ก็สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เช่นเดียวกัน

    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานเป็นกลุ่ม


    ได้เรียนรู้หลายอย่างจากการทำงานเป็นกลุ่มจริงๆ ก็ตอนไปทริปรวมและหลังจากกลับมาแล้ว ตั้งแต่เริ่มไปทริปรวมกับเพื่อนก็รู้สึกว่าได้พูดคุยเปิดใจกัน และสนิทกันมากขึ้น ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น ทุกอย่างลงตัว เรื่องราวระหว่างทางไม่ใช่แค่เรื่องงานและความสนุกจากการท่องเที่ยว อาจจะดูเหมือนเป็นการเดินทางที่เรียบเรื่อยเฉื่อยชา แต่ตลอดการเดินทางมักจะมีอะไรที่ทดสอบทุกคนอยู่เสมอ ทำให้แต่ละคนต่างก็ดึงศักยภาพของตัวเองที่คนอื่นไม่เคยรู้มาใช้ นั่นยิ่งทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้นไปอีก พอกลับจากทริปรวมแล้วก็รวมกลุ่มกันทำงานต่อ เป็นการทำงานที่ราบรื่นกว่าครั้งไหน จนกระทั่งงานเสร็จทุกคนก็ภูมิใจในผลงานที่ร่วมกันทำ สุดท้ายแล้วทุกอย่างที่ทำมาก็ไม่ใช่แค่งานกับคะแนน แต่ยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักช่วยเหลือแบ่งปันกัน แล้วยังมีเรื่องของความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง เมื่อแต่ละคนมีความสามารถต่างกัน เมื่อทำงานร่วมกันก็จะเกิดความสามารถที่หลากหลาย ช่วยกันจนสำเร็จเป็นนิตยสาร "OnTheWay"



    ภาพตอนตรวจแก้ต้นฉบับ


    วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

    ความคืบหน้าของนิทาน

    นิทานเรื่อง : เด็กชายบอยจอมโมโห
    เรื่องโดย : นายศุภวิชญ์ ฤทธิ์มาก
    รหัสนิสิต 55105010051
    คณะศึกษาศาสตร์  เอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ


    ครั้งที่ 1
    คิดเค้าโครงนิทาน   ลิ๊งค์เค้าโครงนิทาน
    ครั้งที่ 2
    แต่งเนื้อเรื่อง พยายามแต่งเรื่องหลังจากที่ได้คอนเซ็ปท์เรื่องความมีสติ และได้วางพล็อตเรื่องมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่คิดไม่ออก ก็เลยมากออกแบบตัวละครทั้งสามคน คือ บอย(ตัวเอกของเรื่อง) เบล(เพื่อนของบอย) และครู
    ออกแบบตัวละครเอกของเรื่อง
    ครั้งที่ 3 
    คิดเนื้อเรื่องออกแล้ว ก็เริ่มลงมือวาด ตอนแรกลองวาดด้วยมือเพราะรู้สึกว่าการวาดด้วยโปรแกรม Illustrator  มันยุ่งยาก แต่พอวาดหน้าแรกเสร็จก็ลองลงสีดู ปรากฏว่า ไม่สวยเลยเพราะระบายสีไม่เป็น และเสียเวลามากกับการที่ต้องระบายสีทุกๆ หน้า สุดท้ายก็ต้องมาใช้โปรแกรม Illustrator วาด

    หลังจากวาดภาพเสร็จก็ลองลงสีดู แต่คิดว่าไม่สวย เลยเปลี่ยนมาวาดกับโปรแกรม Adobe Illustrator แทน

    ครั้งที่ 4
    หลังจากวาดนิทานเสร็จก็เอาไฟล์ภาพไปปริ้นได้ออกมาเป็นภาพขนาด 8 * 10 นิ้ว แล้วเอามาเข้าเล่มเอง จากนั้นก็เคลือบด้วยพลาสติกใสเพื่อความเรียบร้อย สวยงาม



    หนังสือเด็กเล่มแรกในชีวิต ^ _ ^



    วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

    Mother Book สื่อกลางระหว่างแม่และลูก

    Mother Book เล่มนี้มีความหมายกว่าไดอารี่ธรรมดา


    Mother Book คือไดอารี่บันทึกความรู้สึกของแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ภายในเล่มมี40หน้า แต่ละหน้าจะบอกลักษณะร่างกายของผู้หญิงตั้งครรภ์ และพัฒนาการของลูกในครรภ์ โดยสามารถเขียนบันทึกความรู้สึกในแต่ละสัปดาห์ลงไปในไดอารี่เล่มนี้ได้ มีการแบ่งเนื้อหาเป็นหน้าละหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ตั้งครรภ์จนถึงกำหนดคลอดในสัปดาห์ที่40

    ไดอารี่เล่มนี้ได้รับรางวัล Lions Health ในปี 2014  เจ้าของผลงานคือ Dentsu Nagoya โดยมีแนวคิดคือ ต้องการให้คนที่ตั้งครรภ์ได้ทราบพัฒนาการของลูกในครรภ์ ในขณะเดียวกันแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็สามารถเขียนบรรยายความรู้สึกในแต่ละสัปดาห์ลงไปในไดอารี่เล่มนี้เพื่อเก็บไว้ให้ลูกได้รับรู้ความรู้สึกของแม่และพัฒนาการของตนเองผ่านไดอารี่เล่มนี้ ถึงแม้จะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่ลูกน้อยจะเติบโตขึ้นมาแล้วได้อ่านไดอารี่เล่มนี้ แต่ไดอารี่เล่มนี้จะยังเป็นสิ่งที่จะย้อนเวลาให้ลูกได้สัมผัสถึงความรู้สึกของแม่ในขณะตั้งครรภ์







    ไดอารี่ Mother Book เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีการนำเอาความคิดสร้างสรรค์มาดัดแปลงสื่อที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและราคาไม่แพงอย่างไดอารี่ เป็นการผสมผสานจนเกิดสิ่งที่แปลกใหม่ และมีความน่าสนใจ สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง การออกแบบก็มีลูกเล่นที่มากกว่าหนังสือ หรือไดอารี่ธรรมดาทั่วไป ด้วยการใช้รูปแบบสามมิติ (Topographic) เข้ามาแทนที่ภาพแบบธรรมดา


    ข้อมูลจาก : http://www.brandbuffet.in.th/2014/06/mother-book-lions-health-cannes-lions-2014/
    http://www.spoon-tamago.com/2014/11/07/mother-book-a-pregnancy-diary-that-grows-with-the-mothers-belly/

    วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

    โปสการ์ด


    "โปสการ์ด"  กระดาษแผ่นเล็กๆที่คนทั่วโลกนิยมส่งความประทับใจในยามที่ไปเที่ยวต่างแดนให้กับคนที่รู้จักได้รับรู้ความประทับใจในสถานที่นั้นๆ ด้วยรูปแบบที่เรียบง่าย แต่สวยงามจนกลายเป็นที่นิยมกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่มีระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง เฟซบุ๊ค กูเกิ้ลพลัส ทวิตเตอร์ ฯลฯ ที่สามารถโพสต์รูปและเขียนความรู้สึกได้เหมือนกับโปสการ์ด แล้วยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ทำให้โปสการ์ดถูกลดความสำคัญลง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังหลงใหลในความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ของโปสการ์ด หนึ่งในนั้นก็คือตัวผมเองด้วยครับ


    ทำไมต้องโปสการ์ด?

    โซเชียลเน็ตเวิร์คสะดวกกว่าเยอะ แล้วทำไมต้องเลือกโปสการ์ดน่ะเหรอครับ ผมคิดว่าโปสการ์ดมีบางอย่างที่มากกว่าที่โซเชียลเน็ตเวิร์ค นั่นคือ ความรู้สึกของคนที่ส่งโปสการ์ดให้ครับ ไหนจะต้องจ่ายเงินซื้อโปสการ์ด จ่ายค่าส่ง แล้วยังต้องจำที่อยู่ของผู้รับให้ได้ด้วย นี่แหละครับคือสิ่งที่แสดงถึงความใส่ใจและการให้ความสำคัญต่อใครบางคน และโปสการ์ดนั้นมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพราะบางครั้งก็อยากส่งความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อใครบางคนโดยที่ไม่ต้องมีใครมารับรู้นอกจากผู้ส่งและผู้รับเท่านั้น

    วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

    Don't let me remember your password

    remember me, remember your password คือประโยคที่คุณอาจจะเคยเห็น
    เมื่อล็อกอินเข้าสู่ระบบออนไลน์ แล้วคุณ(เผลอ)กดตกลงไปแล้วหรือเปล่า?

    เมื่อคุณล็อกอินเข้าสู่ระบบออนไลน์ผ่านทางเว็บเบราเซอร์ต่างๆทั้งในคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนของคุณ คงจะเคยเห็นหน้าต่างป๊อปอัพให้ระบบ จำข้อมูลล็อกอินไว้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการล็อกอินครั้งต่อไป ทำให้หลายๆคนกดยอมรับการจำข้อมูลล็อกอิน หรือการจำรหัสผ่านนั่นเอง เมื่อต้องการล็อกอินครั้งต่อไปก็เพียงแค่กด "ล็อกอิน" ก็สามารถเข้าสู่ระบบได้โดยไม่ต้องใส่รหัสผ่านอีกต่อไป

    ทุกวันนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆเพื่อตอบสนองชีวิตของเราให้ง่ายขึ้นเรื่อยๆจนบางครั้งก็ทำให้ชีวิตของเรา...ง่ายเกินไปจนเป็นภัยกับตัวเอง เช่นเดียวกับการอนุญาตให้ระบบ จำรหัสผ่านให้คุณ ในช่วงแรกๆอาจจะคิดว่าการจำรหัสผ่าน ทำให้สะดวกต่อการล็อกอิน แล้วถ้าวันหนึ่งคุณทำโทรศัพท์หายหรือคอมพิวเตอร์ถูกขโมยโดยที่คุณได้กดยอมรับให้ระบบจำรหัสผ่านของคุณไว้ จะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ เพราะถ้ามีคนนำไปใช้ในทางที่ผิด ก็จะส่งผลเสียต่อตัวคุณเองอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับใครหลายๆ คนจนเป็นข่าวดังมาแล้ว เพราะฉะนั้น คิดสักนิด ก่อนคลิกตกลง คิดดูว่าความสะดวกที่ได้มาจะคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไปหรือเปล่า


    วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

    ลูกกลมๆ

    เมื่อพูดถึงสื่อสิ่งพิมพ์ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า สื่อสิ่งพิมพ์คือหนังสือ หรือเอกสารต่างๆที่ใช้เครื่องพิมพ์แทนการเขียนด้วยมือ แต่จริงๆแล้ว สื่อสิ่งพิมพ์ไม่ได้หมายถึงแค่สิ่งกล่าวมาข้างต้นเท่านั้น คำว่าสื่อสิ่งพิมพ์ หมายถึง สิ่งต่างๆที่มีการใช้แม่แบบในการคัดลอก ทำซ้ำ ทำเหมือน หรือการ copy นั่นเอง เช่น ฉลากผลิตภัณท์ต่างๆที่มีการผลิตออกมาในรูปแบบลวดลายที่เหมือนกัน หนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ต่างๆ หรือแม้แต่ลายสกรีนบนเสื้อ หรือลายพิมพ์บนแก้วน้ำ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจสื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบของหนังสือเท่านั้น

    หากจะให้เลือกสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดก็ขอเลือกนิตยสาร FourFourTwo (โฟร์โฟร์ทู) นิตยสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโลกของฟุตบอล ที่มีรูปแบบการนำเสนอที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร ทำให้นิตยสารเล่มนี้ครองใจบรรดานักอ่านที่มีความสนใจในแวดวงกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว รวมถึงผู้เขียนเองด้วย นิตยสารโฟร์โฟร์ทู สามารถตอบโจทย์แฟนฟุตบอลได้ทุกรูปแบบ


    ด้วยรูปแบบการนำเสนอที่หลากหลาย ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคอบอลทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนเนื้อหาภายในที่มีการบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ฟุตบอล เหตุการณ์ที่น่าจดจำ และบทสัมภาษณ์สุดเอ๊กซ์คลูซีพของบรรดานักฟุตบอลอาชีพที่ใครได้อ่านแล้วต่างก็อินไปกับเรื่องราวของนักฟุตบอลอาชีพเหล่านั้น
    ส่วนที่ผู้อ่านชอบมากที่สุดคือ Stats zone ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่เกี่ยวกับสถิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถิติส่วนตัวของผู้เล่น เช่น การทำประตูสูงสุด อัตราความแม่นยำในการผ่านบอล สถิติการป้องกันประตู และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อหาที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก 


    บทสัมภาษณ์นักเตะที่ประสบความสำเร็จที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตจนกว่าจะได้มาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน มีการแนะนำเคล็ดลับการเล่น วิธีการฝึกซ้อม ที่สามารถจุดประกายความหวังในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้กับผู้อ่านหลายๆคนได้เป็นอย่างดี



    จากภาพด้านบน เป็นส่วนของ Stats zone ที่นำเสนอสถิติของนักฟุตบอลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และสามารถบอกได้ว่านักเตะคนนั้นมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน

    นอกจากเนื้อหาภายในที่น่าสนใจแล้ว การออกแบบหน้าปกก็มีความสวยงาม ทำให้เกิดความรู้สึกน่าซื้อน่าอ่านเหมือนภาพตัวอย่างด้านล่างอีกด้วย




    ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผมชื่นชอบมากที่สุด แล้วคุณล่ะครับ ชอบสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทไหน???