วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ได้ชื่อว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของไทย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่1 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงศรีรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี วัดพระแก้วจึงเป็นแหล่งเรียนรู้ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา และศิลปะ วัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี
ภายในวัดพระแก้วมีการประดับตกแต่งด้วยศิลปะลวดลายแบบไทย รวมถึงการใช้สิ่งมีชีวิตในวรรณคดีตกแต่งตามจุดต่างๆทั่วบริเวณวัด เช่น ยักษ์เฝ้าประตูที่สะท้อนถึงความเชื่อที่ว่ายักษ์ที่ยืนเฝ้าประตูวัดคอยปกป้องไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาในวัด และการประดับรอบพระอุโบสถด้วยรูปปั้นครุฑยุดนาค อาคารต่างๆ ภายในวัดถูกมุงด้วยกระเบื้องดินเผาเคลือบสี พื้นตรงกลางเป็นสีแดง ขอบหลังคาเป็นสีน้ำเงิน เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศิลปะในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
การเดินทางไปวัดพระแก้วนั้นถือว่าสะดวกมากเพราะวัดพระแก้วตั้งอยู่บริเวณที่เป็นจุดศูนย์รวมของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ศาลหลักเมือง กระทรวงกลาโหม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โรงละครแห่งชาติ สนามหลวง และหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน จึงทำให้มีบริการขนส่งมวลชนมากมาย และสามารถเดินทางได้หลายวิธี ทางเรือ รถประจำทาง และแท็กซี่
การเที่ยวชมวัดพระแก้วนั้นนอกจากจะได้รับความผ่อนคลายจากการเสพย์งานศิลป์แล้ว ยังได้รับความรู้ด้านประวัติศาสตร์ไทย(K) ได้พัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศจากการพูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (P) และได้ตระหนักถึงความวิจิตรสวยงามจากการชื่นชมงานศิลป์ภายในวัด ทำให้เกิดความรักในศิลปวัฒนธรรมของไทย ผมจึงอยากเชิญชวนผู้อ่านให้ลองเข้าไปเยี่ยมชมวัดพระแก้วดูสักครั้ง รับรองได้เลยว่าจะได้รับความรู้ครบทั้งสามด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย
วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
OnTheWay...First time.
OnTheWay...First time ครั้งแรก...กับออนเดอะเวย์
OnTheWay...ถ้าแปลตรงตัวก็หมายความว่า "ระหว่างทาง" แต่ถ้าคิดให้มากกว่าคำว่า "ระหว่างทาง" ที่เป็นเพียงแค่คำแปลของคำว่า OnTheWay ความหมายจริงๆ นั้นคือ เรื่องราวระหว่างทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดหมาย และนี่คือจุดเริ่มต้นของ นิตยสาร OnTheWay นิตยสารท่องเที่ยวที่เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น ที่จะมาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวอันแสนพิเศษในแบบฉบับ "Chillin' journey" และเป็นรูปแบบการเดินทางที่เข้ากับชื่อของนิตยสาร OnTheWay อย่างพอดิบพอดี
นุส - นุสรา ลีนาค ฝ่ายกราฟิก
เก้า - ชัยภัทร ลูกบัว นักเขียน
นิว - ประวีณ ภูมิเอี่ยม นักเขียน
อาร์ม - ณัฐพล นาบุญพัฒนา ช่างภาพ
ครั้งแรก...กับงานเขียน
งานกลุ่มนิตยสารครั้งนี้ผมรับหน้าที่หลักเป็นนักเขียน มีหน้าที่เขียนคอลัมน์ แต่จริงๆ แล้วสมาชิกในกลุ่มทุกคนก็ช่วยกันทำงาน ทำทุกอย่างทุกหน้าที่ ตั้งแต่เขียนคอลัมน์ ถ่ายภาพ แต่งภาพ ตรวจแก้คำผิด จัดวางรูปแบบคอลัมน์
จุดเริ่มต้น
หลังจากสมาชิกครบแล้วกลุ่มของผมที่นำโดย บก.ลีนา ก็เริ่มคุยกันว่าจะทำนิตยสารเกี่ยวกับอะไร ผมก็รีบเสนอเลยว่าจะทำเรื่องท่องเที่ยว เพราะเป็นคนชอบเที่ยว เพื่อนก็เห็นด้วยว่าจะทำเรื่องนี้ แล้วด้วยความไฟแรงหรือความไม่รู้กันแน่ กลุ่มเราก็เลยเริ่มด้วยการหาทริปเที่ยวกันเลย หามาเยอะมาก ทั้งทะเลใต้ ภาคตะวันออก แล้วก็มีโอกาสได้มาศึกษาดูงานที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศ(ททท.) ได้คุยกับพี่ทีมงานนิตยสาร อสท. ที่เป็นนิตยสารท่องเที่ยวเช่นกัน ก็ได้รู้อะไรเยอะมาก คร่าวๆ คือต้องกลับไปคิดธีมหลักของนิตยสารก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็กลับมาคุยกันจนได้ข้อสรุปว่าจะทำธีม Slow life แต่ดูเหมือนจะเป็นการใช้ชีวิตที่เรียบๆ เฉื่อยๆ เกินไป ไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ก็คิดธีมกันใหม่โดยเน้นเกี่ยวกับการเดินทางแบบชิลๆ เหมือนเดิม สุดท้ายก็มาลงตัวกับธีม Chillin' journey ที่เข้ากับชื่อของนิตยสาร OnTheWay ที่ตั้งกันมาก่อนหน้านี้ แล้วก็เริ่มแบ่งงานกันทำโดยตกลงกันว่าทุกคนต้องเขียนคอลัมน์ของตัวเองคนละ 3 คอลัมน์เป็นอย่างน้อย คอลัมน์ของผมคือ วัดพระแก้ว ความงามในแบบไทย Travel tips และ ชวนชิม ริมทาง จากนั้นสมาชิกในกลุ่มได้คุยกันว่าอยากสัมภาษณ์ใครสักคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ออกเดินทางในแบบฉบับ OnTheWay ก็ได้ติดต่อสัมภาษณ์คุณมิ้น มณฑล กสานติกุล นักเดินทางผู้หญิง ที่เดินทางคนเดียวรอบโลก และมีสไตล์การเดินทางที่เข้ากับ OnTheWay เป๊ะเลย คือเดินทางเรื่อยๆ ชิลๆ ให้ความสำคัญกับเรื่องราวระหว่างทางมากกว่าจุดหมายปลายทาง หลังจากที่ทุกคนเขียนคอลัมน์ของตนเองเสร็จแล้วก็แลกเปลี่ยนกันตรวจแก้จนเป็นที่พอใจ แต่ดูเหมือนว่าเนื้อหายังน้อยเกินใจ สมาชิกในกลุ่มจึงได้จัดทริปรวมเพื่อมาเติมเต็มเนื้อหาในนิตยสาร
OnTheWay
ทริปรวมของเราชาวนิตยสารออนเดอะเวย์ เริ่มต้นจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอเรื่องราวระหว่างทาง โดยแวะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทาง ทั้งในป่า และในเมือง จากการเดินทางครั้งนั้นผมรู้สึกได้ว่าสมาชิกในกลุ่มเริ่มสนิทกันมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นทริปที่เกี่ยวกับงาน แต่ก็เป็นทริปที่มีแต่ความสนุกและเสียงหัวเราะ
จุดหมายปลายทาง
หลังจากทริปนี้สิ้นสุดลง ก็กลับมารวมกลุ่มกันทำงานต่อ เริ่มเขียนคอลัมน์เล่าเรื่องราวการเดินทางของสมาชิกในกลุ่ม แล้วจัดเรียงหน้าพิมพ์ต้นฉบับออกมาตรวจอีกครั้งก่อนส่งโรงพิมพ์
ด้านความรู้ - ถึงจะมีหน้าที่หลักเป็นนักเขียน แต่ก็อย่างที่บอกคือ กลุ่มของผมทุกคนช่วยกันทำงาน ช่วยกันแบ่งเบาภาระของแต่ละคน ทำให้ได้ทำงานทุกอย่างครบ ทั้งการเขียน ตรวจแก้คำผิด ทำกราฟิก จัดวางรูปแบบคอลัมน์ และถ่ายภาพ แน่นอนว่าได้รับความรู้ที่ไม่ใช่แค่ไปทำงานด้านสื่อสิ่งพิมพ์แค่อย่างเดียว แต่ยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับงานด้านอื่นๆ ได้อีก เช่น งานออกแบบ เป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ งานถ่ายภาพ ความรู้ด้านการจัดองค์ประกอบต่างๆ ก็สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เช่นเดียวกัน
ได้เรียนรู้หลายอย่างจากการทำงานเป็นกลุ่มจริงๆ ก็ตอนไปทริปรวมและหลังจากกลับมาแล้ว ตั้งแต่เริ่มไปทริปรวมกับเพื่อนก็รู้สึกว่าได้พูดคุยเปิดใจกัน และสนิทกันมากขึ้น ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น ทุกอย่างลงตัว เรื่องราวระหว่างทางไม่ใช่แค่เรื่องงานและความสนุกจากการท่องเที่ยว อาจจะดูเหมือนเป็นการเดินทางที่เรียบเรื่อยเฉื่อยชา แต่ตลอดการเดินทางมักจะมีอะไรที่ทดสอบทุกคนอยู่เสมอ ทำให้แต่ละคนต่างก็ดึงศักยภาพของตัวเองที่คนอื่นไม่เคยรู้มาใช้ นั่นยิ่งทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้นไปอีก พอกลับจากทริปรวมแล้วก็รวมกลุ่มกันทำงานต่อ เป็นการทำงานที่ราบรื่นกว่าครั้งไหน จนกระทั่งงานเสร็จทุกคนก็ภูมิใจในผลงานที่ร่วมกันทำ สุดท้ายแล้วทุกอย่างที่ทำมาก็ไม่ใช่แค่งานกับคะแนน แต่ยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักช่วยเหลือแบ่งปันกัน แล้วยังมีเรื่องของความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง เมื่อแต่ละคนมีความสามารถต่างกัน เมื่อทำงานร่วมกันก็จะเกิดความสามารถที่หลากหลาย ช่วยกันจนสำเร็จเป็นนิตยสาร "OnTheWay"
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานครั้งนี้
ด้านความรู้ - ถึงจะมีหน้าที่หลักเป็นนักเขียน แต่ก็อย่างที่บอกคือ กลุ่มของผมทุกคนช่วยกันทำงาน ช่วยกันแบ่งเบาภาระของแต่ละคน ทำให้ได้ทำงานทุกอย่างครบ ทั้งการเขียน ตรวจแก้คำผิด ทำกราฟิก จัดวางรูปแบบคอลัมน์ และถ่ายภาพ แน่นอนว่าได้รับความรู้ที่ไม่ใช่แค่ไปทำงานด้านสื่อสิ่งพิมพ์แค่อย่างเดียว แต่ยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับงานด้านอื่นๆ ได้อีก เช่น งานออกแบบ เป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ งานถ่ายภาพ ความรู้ด้านการจัดองค์ประกอบต่างๆ ก็สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานเป็นกลุ่ม
ได้เรียนรู้หลายอย่างจากการทำงานเป็นกลุ่มจริงๆ ก็ตอนไปทริปรวมและหลังจากกลับมาแล้ว ตั้งแต่เริ่มไปทริปรวมกับเพื่อนก็รู้สึกว่าได้พูดคุยเปิดใจกัน และสนิทกันมากขึ้น ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น ทุกอย่างลงตัว เรื่องราวระหว่างทางไม่ใช่แค่เรื่องงานและความสนุกจากการท่องเที่ยว อาจจะดูเหมือนเป็นการเดินทางที่เรียบเรื่อยเฉื่อยชา แต่ตลอดการเดินทางมักจะมีอะไรที่ทดสอบทุกคนอยู่เสมอ ทำให้แต่ละคนต่างก็ดึงศักยภาพของตัวเองที่คนอื่นไม่เคยรู้มาใช้ นั่นยิ่งทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้นไปอีก พอกลับจากทริปรวมแล้วก็รวมกลุ่มกันทำงานต่อ เป็นการทำงานที่ราบรื่นกว่าครั้งไหน จนกระทั่งงานเสร็จทุกคนก็ภูมิใจในผลงานที่ร่วมกันทำ สุดท้ายแล้วทุกอย่างที่ทำมาก็ไม่ใช่แค่งานกับคะแนน แต่ยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักช่วยเหลือแบ่งปันกัน แล้วยังมีเรื่องของความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง เมื่อแต่ละคนมีความสามารถต่างกัน เมื่อทำงานร่วมกันก็จะเกิดความสามารถที่หลากหลาย ช่วยกันจนสำเร็จเป็นนิตยสาร "OnTheWay"
ภาพตอนตรวจแก้ต้นฉบับ |
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
ความคืบหน้าของนิทาน
นิทานเรื่อง : เด็กชายบอยจอมโมโห
เรื่องโดย : นายศุภวิชญ์ ฤทธิ์มาก
รหัสนิสิต 55105010051
คณะศึกษาศาสตร์ เอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ครั้งที่ 1
คิดเค้าโครงนิทาน ลิ๊งค์เค้าโครงนิทาน
ครั้งที่ 2
แต่งเนื้อเรื่อง พยายามแต่งเรื่องหลังจากที่ได้คอนเซ็ปท์เรื่องความมีสติ และได้วางพล็อตเรื่องมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่คิดไม่ออก ก็เลยมากออกแบบตัวละครทั้งสามคน คือ บอย(ตัวเอกของเรื่อง) เบล(เพื่อนของบอย) และครู
ครั้งที่ 3
คิดเนื้อเรื่องออกแล้ว ก็เริ่มลงมือวาด ตอนแรกลองวาดด้วยมือเพราะรู้สึกว่าการวาดด้วยโปรแกรม Illustrator มันยุ่งยาก แต่พอวาดหน้าแรกเสร็จก็ลองลงสีดู ปรากฏว่า ไม่สวยเลยเพราะระบายสีไม่เป็น และเสียเวลามากกับการที่ต้องระบายสีทุกๆ หน้า สุดท้ายก็ต้องมาใช้โปรแกรม Illustrator วาด
ครั้งที่ 4
เรื่องโดย : นายศุภวิชญ์ ฤทธิ์มาก
รหัสนิสิต 55105010051
คณะศึกษาศาสตร์ เอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ครั้งที่ 1
คิดเค้าโครงนิทาน ลิ๊งค์เค้าโครงนิทาน
ครั้งที่ 2
แต่งเนื้อเรื่อง พยายามแต่งเรื่องหลังจากที่ได้คอนเซ็ปท์เรื่องความมีสติ และได้วางพล็อตเรื่องมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่คิดไม่ออก ก็เลยมากออกแบบตัวละครทั้งสามคน คือ บอย(ตัวเอกของเรื่อง) เบล(เพื่อนของบอย) และครู
ออกแบบตัวละครเอกของเรื่อง |
คิดเนื้อเรื่องออกแล้ว ก็เริ่มลงมือวาด ตอนแรกลองวาดด้วยมือเพราะรู้สึกว่าการวาดด้วยโปรแกรม Illustrator มันยุ่งยาก แต่พอวาดหน้าแรกเสร็จก็ลองลงสีดู ปรากฏว่า ไม่สวยเลยเพราะระบายสีไม่เป็น และเสียเวลามากกับการที่ต้องระบายสีทุกๆ หน้า สุดท้ายก็ต้องมาใช้โปรแกรม Illustrator วาด
หลังจากวาดภาพเสร็จก็ลองลงสีดู แต่คิดว่าไม่สวย เลยเปลี่ยนมาวาดกับโปรแกรม Adobe Illustrator แทน |
ครั้งที่ 4
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)